บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี2567 โดยมีรายได้อยู่ที่ 369 ล้านบาท เติบโตขึ้น 38% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และกำไรสุทธิอยู่ที่ 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY เป็นผลจากความต้องการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคาร ประกันภัย เทคโนโลยีและค้าปลีก เผยตุนงานแบ็คล็อคแล้ว 960 ล้านบาท (ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567) ซึ่งจำนวนนี้มาจากบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือ 699 ล้านบาท รวมถึงบริษัทร่วมทุน 261 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้มากกว่า 510 ล้านบาทในปีนี้ และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2568 - 2571 สำหรับส่วนของบริษัทร่วมทุนคาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ระบุว่า แม้ความต้องการใช้เทคโนโลยียังคงเติบโต เพราะเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในระยะสั้น - ยาว และยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจในแง่มุมต่าง ๆ แต่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องได้กดดันให้ภาคธุรกิจเข้มงวดในการลงทุนมากขึ้น องค์กรธุรกิจมีการแบ่งซอยโครงการออกเป็นเฟส และใช้เวลาพิจารณาผลการประมูลงานนานขึ้น ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับภาวะการณ์ดังกล่าว ผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและเสริมแกร่งทีมงานบริหารและการขาย เร่งดำเนินแผน Synergy ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือ ให้พร้อมบุกตลาดทั้งในและต่างประเทศและรองรับทุกมิติความต้องการของลูกค้าได้ทันทีเมื่อทิศทางเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวดีขึ้น
“ปี 2567 ถือเป็นอีกปีแห่งความท้
าทายของภาคธุรกิจทั้งไทยและต่
างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยลบหลายด้าน ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่
ค้า ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ
และสภาพอากาศที่แปรปรวน ที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิ
จโดยเฉพาะการลงทุนที่มี
การชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงทุนของภาคธุรกิจน่
าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปี
หลัง โดยมีปัจจัยสนับสนุนได้แก่ การเบิกจ่
ายงบประมาณและแผนการกระตุ้
นเศรษฐกิจของภาครัฐ การขยายตัวของภาคการท่องเที่
ยวและการส่งออก ผนวกกับความต้องการใช้เทคโนโลยี
เพื่อสร้างขี
ดความสามารถในการแข่งขันและลดต้
นทุนในระยะยาวยังคงโตต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนด้านเทคโนโลยี
และนวัตกรรมในภาคธุรกิจมีแนวโน้
มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ” นายพชร กล่าว
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 1 ประจำปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท โดยลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) และมีรายได้ 369 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.80% ซึ่งการปรับตัวลงของผลประกอบการเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้เป็นผลมาจาก 1) ต้นทุนโครงการของงานบริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ เพื่อเร่งปิดและส่งมอบโครงการให้ได้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว 2) ค่าเงินบาทแข็งตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วง Q1/24 ทำให้ต้นทุนค่า Subscription ของซอฟต์แวร์ต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทในอนาคต ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสำนักงาน และการจ้างบุคลากรด้านงานขายและผู้บริหารมืออาชีพ
“แม้ว่า บลูบิค ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ท้าทายหลายครั้ง แต่บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา และในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน นอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจแล้ว บริษัทฯ กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange Of Thailand -SET) ในปี 2568 เพื่อเสริมภาพลักษณ์การเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ สร้างการเติบโตให้บริษัทฯอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่วางไว้” นายพชร กล่าวปิดท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น