กรุงเทพฯ - บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE ประกาศความสำเร็จปี 2566 กวาดรายได้รวม 9,978 ล้านบาท เติบโต 15% YoY และกำไรสุทธิแตะ 910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% YoY เหตุมีกำไรพิเศษหนุน บอร์ดไฟเขียวปันผลเพิ่มอัตรา 0.118 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 2567 เตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการ พร้อมวางเป้าหมายยอดขาย (Pre-Sales) ที่ 20,600 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 14,000 ล้านบาท จ่อเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 22,610 ล้านบาท เตรียมสยายปีกต่อยอดธุรกิจใหม่สู่ความครบวงจรเต็มรูปแบบและหนุนการสร้างรายได้ประจำ เพื่อเตรียมความพร้อมนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จกับผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ภาวะเศรษฐกิจและภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่ฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทฯ ยังสามารถสร้างผลงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 9,978 ล้านบาท เติบโต 15% YoY และกำไรสุทธิที่ 910 ล้านบาท เติบโต 100% YoY โดยหลักๆ มาจากกำไรของรายได้จากการให้เช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุน ได้แก่ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) รวมถึงได้รับค่าธรรมเนียนการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) และค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee)
ขณะที่ยอดขาย
(Pre-sale)
ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ
สามารถสร้างยอดขายได้จำนวน 14,929 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่
(Inventory) จำนวน 6,633 ล้านบาท
และ
ยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่
รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8,296
ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,900 ล้านบาท
และสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมียอดขายรอโอน (Backlog)
ในมือรวมมูลค่า 19,827 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน
3 ปีข้างหน้า
จากผลการดำเนินที่เติบโตต่อเนื่อง
ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2566 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 3 เดือนของไตรมาส
4 ปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.118 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นผลประกอบการทั้งปี 2566
ที่อัตรารวม 0.399 บาทต่อหุ้น และคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend
Payout Ratio) ที่ 60.0% โดยหากเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันจะคิดเป็นอัตราผลตอบแทน
(Dividend Yield) เท่ากับ 10.5% ทั้งนี้จะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการพิจารณาอนุมัติในวันที่ 25 เมษายน 2567 เพื่อกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3
พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 24
พฤษภาคม 2567
สำหรับในปี
2567 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000
ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sales) ไว้ที่ระดับ 20,600 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ
มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,610 ล้านบาท แบ่งเป็น
โครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,710 ล้านบาท
และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่า
โครงการรวมกว่า 15,900 ล้านบาท
ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ในปี
2567 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว 2.โครงการโนเบิล
ฟอร์ม ทองหล่อ 3.โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และ 4.โครงการนิว คอร์ คูคต
สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%”
"NOBLE ยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัทฯ จึงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 3 แปลง โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเล พระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท 2. ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3. ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง" นายธงชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯ ยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ
ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็ว ๆ นี้ โดยแผนการสยายปีกดังกล่าว
เป็นการต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น
ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Synergy)
จากวงจรธุรกิจของกลุ่ม โนเบิลฯ ให้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น