บาร์เซโลนา สเปน 27 กุมภาพันธ์ 2567 – เสียวหมี่เปิดตัวระบบนิเวศอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทอีโคซิสเต็ม “Human x Car x Home” สู่ตลาดโลกที่งาน MWC Barcelona 2024 ซึ่งสร้างนิยามใหม่ของการผสานของเทคโนโลยี โดย Xiaomi SU7 ที่ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ได้เปิดตัวบนเวทีระดับนานาชาติ โดยนำเสนอภาพรวมวิสัยทัศน์ในการบุกเบิกของเสียวหมี่ไปสู่อนาคตอัจฉริยะ ที่ทุกความต้องการของผู้ใช้ได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมภายในระบบนิเวศอัจฉริยะเพียงแห่งเดียว
มร. แดเนียล เดสจาลาส (Daniel
Desjarlais) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของเสียวหมี่ อินเตอร์เนชันแนล
กล่าวว่า“ที่เสียวหมี่ เทคโนโลยีถูกมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งานเสมอ
นวัตกรรมของเราได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นอันดับแรก “Human x Car x
Home” นั้นสะท้อนถึงหลักการนี้
ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราในการมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น
ด้วยการผสาน มนุษย์ รถยนต์ และบ้านเข้าด้วยกัน เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกันแบบ
end-to-end ให้เหนือกว่าสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เราขอชวนผู้เข้าร่วมงาน MWC ทุกคนให้มาร่วมชมในวิสัยทัศน์ของเสียวหมี่ที่เปลี่ยนแนวคิดแห่งอนาคตให้กลายเป็นความเป็นจริงโดยเปลี่ยนวิธีที่เราเชื่อมต่อกัน”
นอกจากนี้ยังมาพร้อม
Xiaomi
14 Series และ Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
พร้อมด้วยอุปกรณ์ AIoT มากมายที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีโซน Xiaomi Imagery Technology ที่นำเสนอการบูรณาการเทคโนโลยีเลนส์อันล้ำสมัยของ
Leica ลงบนสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ ขณะเดียวกันก็มี CyberDog
2 ที่นำมาจัดแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้ามากมายของเสียวหมี่ให้กับผู้มาเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน
ความก้าวหน้าของการเชื่อมต่ออันครอบคลุม
การเปลี่ยนผ่านของเสียวหมี่จาก
"Smartphone x AIoT" ไปสู่ระบบนิเวศอัจฉริยะ
"Human x Car x Home" ผสมผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล
ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น
สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้อย่างไร้กังวล
ประสานงานแบบเรียลไทม์ ขับเคลื่อนความก้าวหน้า
รวมไปถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอีกด้วย ระบบนิเวศอัจฉริยะนั้นถูกออกแบบมาด้วยวิสัยทัศน์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการ
โดยได้รับการออกแบบให้ปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ
Xiaomi
HyperOS เป็นมากกว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบโอเพ่นซอร์ส (open-source)
โดยมาพร้อมนวัตกรรมระดับระบบที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์อย่างไร้ขีดจำกัด
และรับประกันการดำเนินงานที่สอดคล้องกันทั่วทั้งแพลตฟอร์มชีวิตอัจฉริยะแบบบูรณาการของเสียวหมี่
ทั้งนี้รากฐานของระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ได้ทำการรวมเอาผลิตภัณฑ์กว่า
200 หมวดหมู่ที่รวมอุปกรณ์มากกว่า 600 ล้านเครื่องทั่วโลกและครอบคลุมสถานการณ์ต่างๆ
ของผู้ใช้งานมากกว่า 95%1 เข้าไว้ด้วยกัน
ทั้งนี้การร่วมมือกับพันธมิตร นักพัฒนา และผู้ผลิตทั่วโลก Xiaomi HyperOS จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับระบบนิเวศในการปลดล็อกและใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์แรกของ
Xiaomi
EV คือ Xiaomi SU7 ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในระดับ
"ซีดานของเทคโนโลยีเชิงนิเวศประสิทธิภาพสูงเต็มขนาด"
(full-size high-performance eco-technology sedan) ที่ขยายขอบเขตในด้านประสิทธิภาพ
บูรณาการระบบนิเวศ และพื้นที่อัจฉริยะบนมือถือ นอกเหนือจาก Xiaomi SU7 แล้ว เสียวหมี่ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี EV หลัก 5
รายการ ได้แก่ E-Motor, CTB Integrated Battery, Xiaomi
Die-Casting, Xiaomi Pilot Autonomous Driving และ Smart
Cabin ด้วยการลงทุนมหาศาลกว่า 1 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา
และทีมงานระดับโลกที่ประกอบด้วยวิศวกรมากกว่า 3,400 คน
และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคกว่า 1,000 คนในด้านต่างๆ
จึงทำให้เสียวหมี่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่โดดเด่น
ร่วมสำรวจความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบนมือถือ
เสียวหมี่เชื่อมั่นในนวัตกรรมที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
โดยมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การถ่ายภาพบนมือถือที่ดีและใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน
ในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการถ่ายภาพบนมือถืออย่างต่อเนื่อง
ด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Leica เสียวหมี่ได้ค้นหาหัวใจหลักของการถ่ายภาพและขยายขอบเขตของการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ
ในส่วนของ Xiaomi Imagery Technology นั้น Xiaomi 12S
Ultra ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่พัฒนาร่วมกันโดยทั้งสองบริษัทนั้นก็ได้จัดแสดงควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ
ด้วย
ความร่วมมือระหว่างเสียวหมี่
และ Leica
นั้นประสบความสำเร็จครั้งสำคัญจากการก่อตั้ง Xiaomi-Leica
Optical Institute ซึ่งนับเป็นการขับเคลื่อนความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก
และยังกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับประสบการณ์การถ่ายภาพอีกด้วย สมาร์ทโฟน Xiaomi
14 Series ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมเลนส์ Leica
Summilux ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยโซลูชั่นสำหรับระบบออปติคอลเจเนอเรชันใหม่
ที่มอบความสามารถในการถ่ายภาพที่เหนือชั้นในทุกสภาวะและสถานการณ์
การขยายความเป็นเลิศด้านวิทยาการหุ่นยนต์และการผลิต
ที่งาน
MWC
เสียวหมี่นำเสนอหุ่นยนต์สี่ส่วน (quadruped robot) ที่ได้รับแรงบันดาลใจทางชีวภาพที่ล้ำสมัยอย่าง CyberDog 2 ด้วยระบบการตรวจจับแบบฟิวชั่นและระบบการตัดสินใจที่ใช้เซ็นเซอร์ 19
ตัวสำหรับการมองเห็น การสัมผัส และการได้ยิน
หุ่นยนต์ตัวนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อจำลองการเคลื่อนไหว รูปลักษณ์
และปฏิสัมพันธ์ของสุนัขจริง
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นแห่งการบุกเบิกของเสียวหมี่
และความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดของวิทยาการหุ่นยนต์ ทั้งนี้ธรรมชาติของเทคโนโลยีแบบโอเพ่นซอร์ส
(open-source) ถือเป็นรากฐานของระบบนิเวศที่เตรียมไว้สำหรับการปรับแต่งและการเขียนโปรแกรม
โดยปลดล็อกความเป็นไปได้ที่สร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัดสำหรับนักพัฒนา
นอกเหนือจากการบุกเบิกผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีแล้ว
เสียวหมี่ยังคงสร้างนิยามใหม่ให้กับการผลิต
โดยทำให้โรงงานอัจฉริยะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางอุตสาหกรรม
โดยมีหลักการสำคัญคือเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความคล่องตัว
ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความแม่นยำ สำหรับการก่อตั้งโรงงานอัจฉริยะระยะที่ 2 ในเขตฉางผิงของปักกิ่งนั้นตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเสียวหมี่ในการส่งมอบคุณภาพที่เหนือชั้นและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำให้กับผู้บริโภค
การสร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
เสียวหมี่ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นที่จะมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงและยั่งยืนให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก
แต่ยังให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจอีกด้วย
เสียวหมี่ได้ให้คำมั่นว่าจะบรรลุ carbon neutralityภายในปี 2040
และได้แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการเปิดตัวไวท์เปเปอร์ในการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเป็นครั้งแรกในงาน
COP28
เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้สอดคล้องกับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของเสียวหมี่
ในโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญ เช่น โครงการ GE100% ที่สนับสนุนให้มีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้อย่างกว้างขวาง
และโครงการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนภารกิจในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
เสียวหมี่ได้นำโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้โดยมีเป้าหมายในการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์
38,000 ตันตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2026
ความพยายามนี้เป็นตัวอย่างของแนวทางแบบองค์รวมของเสียวหมี่
ในการเชื่อมช่องว่างระหว่างโซลูชันทางเทคโนโลยีขั้นสูงและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อการปรับเปลี่ยนบทบาทรูปแบบใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในการส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน
หมายเหตุ
1
ข้อมูลจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี 2023 ของเสียวหมี่คอร์เปอเรชัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น