บมจ.อาม่า มารีน (AMA) มาตามนัด! บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 66 เป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/ หุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 มีนาคม 67 ฟากผู้บริหาร “พิศาล รัชกิจประการ”ปักหมุดปี 67 รายได้โต 2 Digit หลังขยายรถบรรทุกขนส่งน้ำมัน-ขยายกองเรือ แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อเรือเพิ่ม 1 ลำ คาดชัดเจนเร็วๆนี้ รองรับดีมานด์ลูกค้า
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (
AMA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายจากผลการดำเนินงานงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2566 และกำไรสะสม จากก่อนหน้าที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567
ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้แบบยั่งยืน โดยมีการขยายการลงทุนซื้อเรือมือสองลำใหม่ ชื่อญาณี ระวางบรรทุก 12,999 DWT และรถบรรทุกใหม่ 40 คัน ใช้ขนส่งในเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2566 รองรับการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศ และ High season
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิ 308.55 ล้านบาท และมีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้า 3,050.56 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม จำนวน 4,828.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 363.63 ล้านบาท หรือ 8.14 % จากสิ้นปีก่อนหน้า
ปัจจุบัน AMA มีรถบรรทุกขนส่งน้ำมันจำนวน 304 คัน หากรวมกับบริษัท ทีเอสเอสเคโลจิสติกส์จำกัด หรือ TSSK ที่บริษัทเพิ่งเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 76% มีรถบรรทุกอยู่ประมาณ 200 คัน ทำให้ AMA มีรถบรรทุกรวมกว่า 500 คัน ขณะที่มีเรือจำนวน 9 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 96,422 เดทเวทตัน
กรรมการผู้จัดการ AMA กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 โต 2 Digit จากความสามารถในการขนส่งที่มีปริมาณสูงขึ้นจากการเพิ่มจำนวนรถขนส่งทางรถ และแนวโน้มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ซึ่งเป็นบริษัทฯที่ใช้บริการการขนส่งผ่านรถขนส่งน้ำมันของ AMA เพิ่มขึ้นสนับสนุน ขณะที่การขนส่งทางเรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวธุรกิจโลจิสติกส์ ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังสูง จากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อผลประกอบการ รวมทั้งอัตราการทำกำไรของบริษัทฯดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพิ่มช่องทางสร้างรายได้การลงทุนเพิ่ม รวมทั้งการพิจารณาในการซื้อเรือเพิ่ม ขนาดน้ำหนัก ประมาณ 13,000 เดทเวทตัน คาดได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น