บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศรีแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) จับมือพาร์ทเนอร์เบอร์หนึ่งด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ทั้งไทยและอินเตอร์ ปั้น 4 โมเดลธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เน้นด้านภาพยนตร์เป็นหลัก ครอบคลุมทุกมิติบันเทิง เดินหน้าขึ้นแท่นไวป์ เซ็ตเตอร์ (Vibes Setter) ผู้ริเริ่มและสร้างสรรค์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์แนวใหม่ของไทย เล็งเห็นศักยภาพของคนไทยด้านบันเทิงสูสีนานาชาติ ดันประเทศไทยขึ้นเป็นฮับความบันเทิงของเอเชียแปซิฟิกภายใน 3 ปี พร้อมลุยเต็มสูบปี 2567 ตั้งเป้าการเติบโต 2 ดิจิตในปีแรกหลังรีแบรนด์
นายขันเงิน เนื้อนวล ผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการบริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ชื่อบริษัท ซาเล็คต้า มาจากคำว่าซีเล็คเตอร์ ที่แปลว่าเราคือผู้คัดสรรสิ่งต่างๆ ที่น่าตื่นเต้น และอาจจะยังไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อน ตามคอนเซ็ปท์ Vibes Setter ที่มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และสร้างบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ในทุกมิติให้กับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นมิวสิค, เฟสติวัล และคอนเทนต์ต่างๆ ตามเมกะเทรนด์โลก สำหรับผมได้มาทำอีกบทบาทหนึ่งคือเป็นนักธุรกิจ แต่ถือว่าไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะงานด้านบันเทิง และมิวสิคเป็นสิ่งที่ผมถนัดและทำมาโดยตลอด แต่ตอนนี้จะได้ทำในสเกลที่ใหญ่ขึ้นแบบที่ยังไม่สามารถทำได้ในสมัยก่อน ร่วมกับทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจมายาวนาน ซึ่งถือว่าซาเล็คต้าเป็นธุรกิจแนวใหม่ ที่จะสร้างความตื่นเต้นในประเทศไทย รวมทั้งตั้งใจทำให้เป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนที่สร้างโอกาสให้ศิลปินและคนบันเทิงในรุ่นต่อๆ ไปสำหรับเป้าหมายในระยะสั้นคือการจับมือกับพาร์ทเนอร์ด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ตัวท็อปๆ ของประเทศไทยเพื่อเข้าไปร่วมกันทำงานที่ทำได้ดีอยู่แล้ว แล้วขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น สนุกและตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คนไทยได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เสพย์งานต่างๆ ในรูปแบบที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งทำให้วงการบันเทิงไทยมีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวมีเป้าหมายในการสร้างเฟสติวัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมิวสิคเฟสติวัล อาร์ตและทอยเฟสติวัล ภาพยนตร์ รวมทั้งการสร้างสรรค์ออริจินัลคอนเทนต์ที่น่าสนใจต่างๆ เป็นของตัวเอง และจากการที่ผมอยู่ในแวดวงเพลงมายาวนาน ทำให้เห็นความสามารถของคนไทยมาโดยตลอด ซึ่งแม้ว่าคนไทยจะอิมพอร์ตงานต่างๆ จากต่างประเทศเข้ามาแสดงในประเทศไทยมากมาย แต่คนไทยก็เป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น ยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการโชว์ ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็น Mindset อีกข้อที่สำคัญของเราคือการยกระดับศิลปิน และเอนเตอร์เทนเนอร์ของไทยให้มีส่วนร่วมโชว์และแสดงในเวทีระดับอินเตอร์ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรด้านบันเทิงรุ่นต่อๆ ไปสามารถทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิงนานาชาติได้อีกด้วย
นายทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับธุรกิจของเราได้ขยายให้ครอบคลุมงานด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่ม 4 โมเดลธุรกิจใหม่ นอกเหนือจากภาพยนตร์ ที่บริษัทดูแลตั้งแต่การผลิต การซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่ทำมาได้ดีและมีฐานรากที่มั่นคงอยู่แล้ว ได้แก่ เพลงและดนตรี ทั้งมิวสิคเฟสติวัลและคอนเสิร์ต, ไลฟ์สไตล์เฟสติวัลอื่นๆ เช่น เกมส์, ทอยส์หรืออาร์ตเฟสติวัล รวมทั้งเฟสติวัลที่มีคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน, ออริจินัล คอนเทนต์ (original content) โดยในปีนี้จะเปิดตัวรายการทางยูทูป (YouTube) รายการแรก ได้แก่ รายการ Night Style ที่จะชี้เป้าและพาเที่ยวบาร์ลับและไม่ลับที่มีบรรยากาศเก๋ๆ เพลงดีๆ รวมทั้งเครื่องดื่มและอาหารอร่อยๆ เพื่อเป็นลายแทงสำหรับสายแฮงค์เอ้าท์ และในปีหน้ามีแผนเปิดตัวอีก 2 รายการ และไวป์ เซ็ตเตอร์ และเดสทิเนชั่น ที่เราจะเข้าไปหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างบรรยากาศ, สีสัน และความสนุกสนานมากขึ้นให้กับธุรกิจ, อีเว้นท์ต่างๆ รวมทั้งงานปาร์ตี้ตามคอนเซปต์ของลูกค้า เพื่อสื่อสารให้ไปถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช่ต่อไปสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพาร์ทเนอร์ เรามองว่าเราอยากโตไปพร้อมๆ กับพาร์ทเนอร์และลูกค้า โดยนำจุดแข็งที่เราเชี่ยวชาญไปผนวกกับจุดแข็งของพาร์ทเนอร์ ทำให้สเกลของงานขยายใหญ่ขึ้น และทำให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด และความสำเร็จร่วมกัน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคอนเทนต์ด้านเอนเตอร์เทนเม้นท์และไลฟสไตล์ของไทย ให้สามารถสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ ซึ่งคิดว่าเรามีศักยภาพมากพอที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ โดยในปีนี้เรามีเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับงานอีเว้นท์และเฟสติวัล 2-3 อีเว้นท์ สำหรับอีเว้นท์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้นเองน่าจะเริ่มได้เห็นช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะเป็นอีเว้นท์ระดับเวิล์ดคลาส ขอให้ทุกคนติดตามรับรองว่าจะได้เห็นสิ่งที่แปลกใหม่และตื่นเต้นจากซาเลคต้าเร็วๆ นี้ ผมมั่นใจว่าถ้าเราและพาร์ทเนอร์ร่วมมือกัน จะสามารถก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ได้ และหากทำอย่างต่อเนื่องในวันหนึ่งประเทศไทยจะเป็นผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ รวมทั้งเป็นฮับด้านบันเทิงครบวงจรของเอเชียได้อย่างแน่นอน
สำหรับผลประกอบในปี
2567 ตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่ เช่น การจัดอีเว้นท์ คอนเสิร์ต ตลอดจนการให้การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการอย่างเต็มตัวในปีหน้า เป็นต้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น