DTCENT จัดหนัก! แจกปันผลเป็นหุ้น 25:1 รุกเปิดตลาด GPS Tracking ในอาเซียน หนุนผลงานปี 66 เติบโต 10-15% - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

DTCENT จัดหนัก! แจกปันผลเป็นหุ้น 25:1 รุกเปิดตลาด GPS Tracking ในอาเซียน หนุนผลงานปี 66 เติบโต 10-15%





 บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดผลการดำเนินงานปี 65 กวาดรายได้รวม  641.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.46จากงวดเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 51.98 ล้านบาท อานิสงส์รับรู้รายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 25:1 บิ๊กบอส “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ระบุ แผนธุรกิจปี 66 นำโมเดล GPS Tracking และ IoT Solution สยายปีกในอาเซียน พร้อมพัฒนาระบบ GPS ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดันรายได้ปี 66 โต 10-15% ตามแผน

 

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565)  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) มีรายได้รวม 641.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.46เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 591.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.98 ล้านบาท

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ โดยรายได้ในส่วนนี้จะเติบโตสอดคล้องกับจำนวนฐานลูกค้าที่ใช้บริการอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking)

 

“ผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังสามารถทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ การท่องเที่ยวกลับมา มีการเดินทาง การขนส่งสินค้ามากขึ้น จึงทำให้ลูกค้าและคู่ค้า กลับมาดำเนินธุรกิจและใช้ระบบ GPS Tracking ของ DTCENT เพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

 

 

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีการอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายจากผลการดำเนินงานของปี 2565 จำนวนไม่เกิน 48,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 25 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าหุ้นทั้งสิ้น ไม่เกิน 24,100,000 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท ในกรณีที่หุ้นสามัญที่เกิดจากการจ่ายปันผลคำนวณได้ออกมาเป็นเศษของหุ้น บริษัทจะตัดเศษของหุ้นดังกล่าวทิ้งและจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดให้กับเศษของหุ้นที่ปัดทิ้งในอัตราหุ้นละ 0.022 บาท ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 19 พฤษภาคม 2566  ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 21 เมษายน 2566

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTCENT กล่าวถึง แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้านำระบบ GPS Tracking และ IoT Solution ไปขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่า จะเห็นความชัดเจนในไตรมาสแรกของปีนี้ สำหรับในประเทศ DTCENT ได้มีการพัฒนาระบบ GPS Tracking ให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ IoT Solution และ ระบบ AI  อย่าง BAMS (Business Activity Management System) ขณะนี้ อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้ระบบ และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในไตรมาส 1/66  รวมทั้ง ระบบบริหารจัดการน้ำระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับโครงการของภาครัฐที่เริ่มทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform ซึ่งคาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

 

สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) วางแผนที่จะพัฒนาให้บริษัทฯ เป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้เพิ่มขึ้น ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ ร่วมวางแผนงานการดำเนินธุรกิจ ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับบริษัทฯ

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กับธุรกิจหลัก ในรูปแบบการทำ M&A กับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad