วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563 กรมป่าไม้ ร่วมกับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุ ตสาหกรรม (สมอ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ผนึกพลังเพื่อขับเคลื่อน “การส่งเสริมมาตรฐานการจั ดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจตามบริ บทไทยสู่ระดับสากล” ดันสวนป่าเศรษฐกิ จของเกษตรกรรายย่อย ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานชาติ เชื่อมโยงสู่ภาคอุตสาหกรรมที่ เกี่ยวข้อง เสริมความแข็งแกร่งอุ ตสาหกรรมไม้ไทย ด้วยมาตรฐานชาติเทียบเท่าสากล ด้วยการจัดการอย่างยั่งยืน โดยมี นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายวันชัย พนมชัยเลขาธิการสำนั กงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และนายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย ร่วมลงนาม MOU ขับเคลื่อนเดินหน้าผนวกบริ บทสวนป่า ป่าชุมชน และไม้นอกเขตป่า ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานการจั ดการสวนป่าอย่างยั่งยืน (มอก. 14061) ซึ่งเป็นมาตรฐานชาติที่ได้รั บการเทียบเคียงมาตรฐานสากล PEFC ณ ห้องประชุม 1 อาคารเทียมกฤส ชั้น 2 กรมป่าไม้
นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ประเทศไทยมีนโยบายในการส่งเสริ มการปลูกไม้เศรษฐกิจ ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่ าเศรษฐกิจให้ได้ร้อยละ 15 ของพื้นที่ประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริ มให้ปลูกไม้เศรษฐกิจ ทั้งในรูปแบบของสวนป่าขนาดใหญ่ สวนป่าขนาดย่อมสำหรั บเกษตรกรรายย่อย ไม้มีค่าตามหัวไร่ปลายนา และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี ตลาดเพื่อรองรับไม้และผลิตภัณฑ์ จากป่าไม้ กรมป่าไม้เล็งเห็นว่าในการส่ งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ จำเป็นที่จะต้องมีการเตรี ยมการด้านการค้า เพื่อรองรับไม้และผลิตภัณฑ์ จากไม้ที่ได้มาจากสวนป่าอย่างถู กต้องตามกฎหมาย มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และสามารถค้าขายได้ในราคาที่ เหมาะสม เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิ จของประเทศและพัฒนาคุณภาพชีวิ ตของเกษตรกร ซึ่งกรมป่าไม้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุ ตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีการประสานงานและทำงานร่ วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่ อยกระดับมาตรฐานการจัดการป่าไม้ และสร้างธรรมาภิบาลในการจั ดการป่า ดังนั้น การจัดทำบันทึกความเข้าใจในวั นนี้ เป็นการเน้นย้ำความร่วมมือของทั้ งสามหน่วยงานให้เห็นผลชัดเจนเป็ นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในการส่งเสริมมาตรฐานการจั ดการสวนป่าเศรษฐกิจ โดยกรมป่าไม้ เป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริ มการปลูกสวนป่า ไม้เศรษฐกิจตามมาตรฐานการจั ดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ตลอดจนป้องกันไม่ให้มีไม้ผิ ดกฎหมายเข้ามาปะปนในห่วงโซ่อุ ปทานการค้าไม้ เพื่อให้ตลาดต่างประเทศรู้จั กและเชื่อมั่น ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ มาประเทศไทย
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภั ณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศผู้นำด้านอุ ตสาหกรรม กำหนดให้การพัฒนาธุรกิจและอุ ตสาหกรรมต้องมีความรับผิดชอบต่ อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไม้ปัจจุบั นมีการนำเรื่องการรับรองแหล่งที่ มาของไม้มาเป็นเงื่ อนไขในทางการค้ามากขึ้น การสั่งซื้อสินค้าต้องแหล่งที่ มาของไม้จากพื้นที่ที่มีการจั ดการอย่างยั่งยืน ถูกต้องตามกฎหมาย และได้การรับรองเท่านั้น สมอ.ในฐานะสถาบันมาตรฐานแห่ งชาติ ได้ดำเนินการกำหนดมาตรฐาน และตรวจสอบรับรอง โดยสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ ช่วยให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่รั บผิดชอบกำกับดูแลและส่งเสริ มในแต่ละด้าน สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมื อในการกำกับดูแล ตรวจสอบ ให้มีความโปร่งใส เป็นไปตามกลไกที่ได้รับการยอมรั บในระดับสากล
ด้าน นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย และประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่ อการเกษตร ขับเคลื่อนงานสำนักงานรับรองไม้ เศรษฐกิจไทย (TFCC) กล่าวว่า ในนามภาคเอกชน เราอาจถูกมองว่าเป็นผู้มุ่งเน้ นเพียงการทำธุรกิจเท่านั้น ซึ่งไม่จริงเลย สภาอุตสาหกรรม เรามีการดำเนินงานขับเคลื่ อนยกระดับภาคอุตสาหกรรม ควบคู่การรักษาสมดุลทรั พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่ างยั่งยืน เรามีหน่วยงานภายในหลายหน่ วยงานที่ช่วยเหลือผู้ ประกอบการให้ดำเนินอุ ตสาหกรรมอย่างมีความรับผิดชอบต่ อสังคม อาทิ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สนับสนุนสมาชิกของสภาอุ ตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้มีการดำเนินกิจกรรมด้ านการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่ อความยั่งยืน ช่วยเสริมทักษะการทำงานด้ านการบริหารจัดการน้ำและสิ่ งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนควบคู่ธุรกิจอุ ตสาหกรรม เป็นต้น และในส่วนของการขับเคลื่อนอุ ตสาหกรรมไม้ นอกจากเรามีกลุ่มอุตสาหกรรมไม้ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกั บไม้ 7 กลุ่ม (กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมไม้อัดไม้ บางและวัสดุแผ่น กลุ่มอุตสาหกรรมโรงเลื่ อยและโรงอบไม้ กลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวี ยน และกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ ยาง) ผมยังได้ดูแลในส่วนของสำนั กงานการรับรองไม้เศรษฐกิจไทย (Thailand Forest Certification Council: TFCC) ภายใต้สถาบันอุตสาหกรรมเพื่ อการเกษตร ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาคุ ณภาพสินค้าและการผลิ ตทางการเกษตรต่างๆ ให้เข้าถึงอุ ตสาหกรรมการเกษตรสมัยใหม่ได้ สะดวกยิ่งขึ้น โดยด้านงานไม้สภาอุตสาหกรรม ได้นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อน “ปลูกไม้มีค่า เพิ่มป่าชุมชน” ให้กับท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยจะช่วยขับเคลื่อนให้ ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้ นำการส่งออกไม้ในอนาคต การส่งเสริมการปลูกป่านี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขี ยว สร้างปอดให้ประเทศแล้ว ยังสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิ ตเกษตรกรรายย่อย ยกระดับเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ให้กับคนในพื้นที่ และสถาบันอุตสาหกรรมเพื่ อการเกษตร จะเข้าไปช่วยเชื่อมโยงพัฒนาสิ นค้าและผลิตภัณฑ์จากไม้กับกลุ่ มอุตสาหกรรมต่างๆ ของสภาอุตสาหกรรมฯ เป็นการขับเคลื่อนทั้ง value chain สร้างความเข้มแข็งให้แก่อุ ตสาหกรรมไม้ภายในประเทศ ไปสู่สากลได้
นอกจากนี้ นายศักดิ์ชัยได้กล่าวเพิ่มว่า ในส่วนของมาตรฐานชาติการจั ดการสวนป่าอย่างยั่งยืน มอก.14061 เราเรียกว่าทำ 1 ได้ถึง 2 นั่นคือมาตรฐานชาตินี้สามารถเที ยบเคียงกับมาตรฐานสากล PEFC จากทางยุโรป ได้ด้วย เป็นส่วนช่วยขยายโอกาสให้ เกษตรกรและผู้ประกอบการภาคอุ ตสาหกรรมไม้ ลดข้อกีดกันทางการค้า สามารถขยายตลาดเพื่อการส่งออก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กั บประเทศ “ผมเชื่อว่าการลงนามบันทึ กความเข้าใจ (MOU) ในวันนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจภาคป่ าไม้ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” นายศักดิ์ชัย กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น