นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาสุกรหน้าฟาร์มอยู่ที่ 79-80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในช่ วงสั้นๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะถึ งนี้ โดยราคานี้ทำให้เกษตรกรพออยู่ ได้ หลังจากแบกรับภาระขาดทุ นสะสมมาถึง 3 ปี และไม่กระทบกับการใช้จ่ายของผู้ บริโภคจนเกินไป นับว่าเป็นราคาที่เหมาะสม และเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรมี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค ASF ในสุกร ที่เกิดในหลายประเทศ ทำให้เกษตรกรทั้งรายย่อย รายกลาง และรายใหญ่ ต่างระมัดระวังในการเข้าเลี้ ยงสุกรมากขึ้น ด้วยการชะลอการนำลูกสุกรเข้าเลี้ ยง หรือเข้าในปริมาณที่น้อยกว่ าปกติ รวมถึงไม่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ มาทดแทนที่ปลดไป ส่งผลให้สุ กรในระบบของไทยหายไปกว่า 15% จากเดิมที่มีสุกรในระบบประมาณ 9,504,921 ตัว ผู้เลี้ยงสุกร 191,545 ราย
“ยืนยันว่าปริมาณหมูมีเพียงพอต่ อการรองรับการบริโภคในประเทศ ผู้บริโภคไม่ต้องกังวล การปรับราคาขึ้นนี้สะท้ อนตามกลไกตลาด จากการบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้ นในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ขณะที่การเลี้ยงสุกรขณะนี้ เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่สู งขึ้น ทั้งจากการเฝ้าระวังและป้องกัน ASF อย่างเข้มงวด ทำให้เกษตรกรต้องมีค่าใช้จ่ ายเรื่องระบบป้องกันโรคเพิ่มตั วละ 3-5 บาท ขณะเดียวกันปัญหาภัยแล้ งและอากาศแปรปรวน หลายพื้นที่ร้อนจัดส่ งผลกระทบโดยตรง ทำให้สุกรกินอาหารน้อยลงและโตช้ า ต้องเลี้ยงนานขึ้น โดยต้องยืดเวลาเลี้ยงออกไปอีก 2 สัปดาห์ ต้นทุนจึงเพิ่มขึ้นทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าแรงงาน ขอให้ผู้บริโภคเห็นใจด้วย” นายสุรชัย กล่าว
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ภาวะภัยแล้งทำให้ปัจจุบันปริ มาณน้ำสำรองที่กักเก็บไว้ใช้ ภายในฟาร์มเริ่มไม่เพียงพอ เกษตรกรหลายพื้นที่จำเป็นต้องซื้ อน้ำจากแหล่งอื่น สำหรับให้สุกรกินและเป็นน้ำใช้ ในฟาร์ม และยังต้องมีต้นทุนเพิ่ มในการปรับคุณภาพน้ำให้สะอาด ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนเพิ่มในส่ วนของค่าน้ำเป็น 300-600 บาทต่อการเลี้ยงสุกรขุน 1 ตัว จากปกติต้นทุนส่วนนี้อยู่ที่ 30 บาทต่อตัว หรือเพิ่มขึ้นถึง 3-6 บาทต่อเนื้อสุกร 1 กิโลกรัม./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น